บทบาท (Role)
แต่ท่านผู้เป็นคนของพระเจ้า จงหลีกหนีเสียจากสิ่งเหล่านี้ และจงติดตามความชอบธรรม ธรรม ความเชื่อ ความรัก ความเพียร และความสุภาพ จงเข้าในการปล้ำสู้อย่างดีอันเกี่ยวกับความเชื่อนั้น จงยึดเอาชีวิตนิรันดร์ไว้ ที่พระเจ้าทรงเรียกท่านแล้วสำหรับชีวิตนั้น และที่ได้ปฏิญาณตนไว้ด้วยคำปฏิญาณอันดีต่อหน้าพยานหลายคน 1 ติโมเธียว 6.11-12
วันนี้เราอยากจะพูดถึงบทบาทของผู้ชาย สิ่งที่เราอยากจะพูดและคิดถึงในความแตกต่างระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ในหนังสือติโมเธียวกล่าว ไม่ใช่ความแตกต่างทางเพศพันธุ์ แต่อยากจะพูดถึงหน้าที่ของผู้ชาย สำหรับวันนี้ขอพูดถึงหน้าที่ของผู้ชายอย่างเช่น บุตร สามี บิดา พลเมืองและคริสเตียน
ก. บทบาทความเป็นบุตร
1) เชื่อฟังบิดามารดา (เอเฟโซ 6.1-3)ฝ่ายบุตรทั้งหลาย จงนบนอบเชื่อฟังบิดามารดาของตัวด้วยเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะกระทำอย่างนั้นเป็นการถูก จงนับถือบิดามารดาของตน ซึ่งเป็นพระบัญญัติแรกที่มีคำทรงสัญญาไว้ด้วย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้อยู่เย็นเป็นสุข และมีชีวิตยืนยาวที่แผ่นดินโลก
2) ในปฐมวัยของเจ้า จงระลึกถึงพระองค์ผู้ได้ทรงสร้างตัวเจ้านั้น ก่อนที่ยามทุกข์ร้อนจะมาถึงและก่อนวาระที่เจ้าจะว่าข้าไม่เห็นชื่นชมอะไรเลยมาถึง (ท่านผู้ประกาศ 12.1) พระเยซูทรงตอบเขาว่า “จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตของเจ้าและด้วยสิ้นสุดความคิดของเจ้า นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อต้นข้อใหญ่ข้อที่สองก็เหมือนกันคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองบัญญัติและคำพยากรณ์ทั้งสิ้นก็รวมอยู่ในพระบัญญัติสองข้อนี้” (มัดธาย 22.37-40)
3) ท่านจงหลีกหนีเสียจากราคะตัณหาแห่งคนหนุ่มๆ นั้น และจงมุ่งตามความชอบธรรม ความเชื่อ ความรัก และสันติสุข ด้วยกันกับคนทั้งหลายที่ออกพระนามแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์ (2 ติโมเธียว 2.22,คนหนุ่มทำไฉนจึงจะได้ชำระทางประพฤติของตนให้บริสุทธิ์ ให้ระวังในทางประพฤติตามพระดำรัสของพระองค์ บทเพลงสรรเสริญ 119.9, ท่านทั้งหลายอย่าลวงตนเองเลย การคบค้าสมาคมกับคนชั่วนั้นย่อมทำให้นิสัยดีกลับชั่วไปด้วย 1 โกรินโธ 15.33)
4) ถ้าเป็นได้ให้หาเพื่อน “ซึ่งมนุษย์ผู้นั้นจะอยู่คนเดียวก็ไม่เหมาะ” พระยะโฮวาเจ้าทรงดำริว่า ""ซึ่งมนุษย์ผู้นั้นจะอยู่คนเดียวก็ไม่เหมาะ เราจะสร้างขึ้นอีกคนหนึ่งให้เป็นคู่เคียงเหมาะกับเขา""" (เยเนซิศ 2.18) “ไม่เหมาะ” ทั้งสำหรับร่างกาย จิตใจและวิญญาณของเรา แต่เพื่อป้องกันการล่วงประเวณี จงให้ผู้ชายทุกคนมีภรรยาเป็นสิทธิ์ของตัวเสีย และจงให้ผู้หญิงมีสามีเป็นสิทธิ์ของตัวเสีย(1 โกรินโธ 7.2) ถ้าปราศจากสายสัมพันธ์ของชีวิตสมรส มนุษยชาติก็ไม่สามารถที่จะดำรงอยู่ต่อไปอย่างปกติได้
5) ระวังในการเลือก หลีกเลี่ยงจากสายสัมพันธ์ทางเพศที่นำไปสู่ความบาป อย่าเข้าเทียมแอกด้วยกันกับคนที่ไม่เชื่อ เพราะว่าความชอบธรรมจะมีหุ้นส่วนอะไรกับความชั่ว และความสว่างจะเข้าสนิทกันกับความมืดได้อย่างไร (2 โกรินโธ 6.14)ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่าผู้ใดหย่าภรรยาของตนเพราะเหตุต่างๆ เว้นแต่ผิดกับชายอื่นแล้วไปมีภรรยาใหม่ก็ผิดประเวณีและผู้ใดรับหญิงที่หย่าแล้วนั้นมาเป็นภรรยาก็ผิดประเวณีด้วย”( มัดธาย 19.9)
ข. บทบาทความเป็นสามี
1) รักและให้เกียรติแก่ภรรยา ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตนและอย่าพูดคำขมขื่นต่อนาง (โกโลซาย 3.19) เหมือนอย่างที่เรารักตัวเอง เช่นนั้นแหละสามีควรจะรักภรรยาของตนเหมือนรักกายของตนเองด้วย ผู้ที่รักภรรยาของตนเองก็รักตัวเอง (เอเฟโซ 5.28) เธอเป็นภาชนะที่อ่อนแอกว่า แต่ก็ยังเท่าเทียมกันในองค์พระผู้เป็นเจ้า ฝ่ายท่านทั้งหลายที่เป็นสามีก็เหมือนกัน จงอยู่กินกับภรรยาโดยใช้ความรู้ จงให้เกียรติยศแก่ภรรยาเหมือนหนึ่งเป็นภาชนะที่อ่อนแอกว่าและเหมือนเป็นคู่รับมรดกพระคุณแห่งชีวิตด้วยกัน เพื่อจะได้ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดขัดขวางคำอธิษฐานของท่าน(1 เปโตร 3.7)
2) ท่านเป็นศีรษะของภรรยาแต่ไม่ใช่ผู้เผด็จการ ท่านปกครองเจ้าสาวของท่าน เหมือนพระคริสต์ทรงปกครอง คริสตจักรของพระองค์ - ไม่ใช่ด้วยอำนาจบาตรใหญ่แต่ด้วยความรัก แต่ข้าพเจ้าใคร่ให้ท่านทั้งหลายเข้าใจว่าพระคริสต์เป็นศีรษะของชายทุกคน และชายเป็นศีรษะของหญิง และพระเจ้าเป็นศีรษะของพระคริสต์ 1 โกรินโธ 11 : 3
3) สายเชือกที่ผูกมัดท่านและภรรยาไว้คือ พระเจ้า อย่าดึงจนเชือกขาด เขาจึงไม่เป็นสองต่อไปแต่เป็นเนื้ออันเดียวกัน เหตุฉะนั้นซึ่งพระเจ้าได้ผูกพันกันแล้วอย่าให้มนุษย์ทำให้พรากจากกันเลย” (มัดธาย 19.6) เหตุฉะนั้นสิ่งสารพัดซึ่งท่านปรารถนาให้มนุษย์ทำแก่ท่าน จงกระทำอย่างนั้นแก่เขาเหมือนกันเพราะว่าพระบัญญัติและคำของศาสดาพยากรณ์สอนดังนั้น (มัดธาย 7.12)
ค. บทบาทความเป็นบิดา
1) ท่านยืนอยู่ในฐานะประมุขของครอบครัว เป็นผู้นำในทุกสิ่งที่เกี่ยวกับวิญญาณจิต ท่านจะพบว่าความรับผิดชอบนั้นใหญ่หลวง ดังนั้นจงเป็นผู้ที่ใกล้ชิดพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน แต่ข้าพเจ้าใคร่ให้ท่านทั้งหลายเข้าใจว่าพระคริสต์เป็นศีรษะของชายทุกคน และชายเป็นศีรษะของหญิง และพระเจ้าเป็นศีรษะของพระคริสต์ 1 โกรินโธ 11 : 3
2) ให้ความเจริญก้าวหน้าแก่ชีวิตของลูก ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในด้านสติปัญญา ศีลธรรม และวิญญาณจิต “จงฝึกสอนเด็กให้ประพฤติตามทางที่ควรจะประพฤตินั้นและเมื่อแก่ชราแล้วเขาจะไม่เดินห่างจากทางนั้น” (สุภาษิต 22.6) ฝ่ายท่านทั้งหลายผู้เป็นบิดาอย่ายั่วบุตรของตนให้ขัดเคืองใจ แต่จงอบรมด้วยการตีสอนและการเตือนสติขององค์พระผู้เป็นเจ้า ( เอเฟโซ 6.4) ฝ่ายบิดาก็อย่ายั่วบุตรของตนให้ขัดเคืองใจ เกรงว่าเขาจะท้อใจ (โกโลซาย 3.21)
3) จัดหาสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตอยู่ให้พวกเขา “ถ้าแม้ผู้ใดไม่เลี้ยงดูวงศ์ญาติของตน และคนในบ้านเรือนของตนยิ่งกว่าผู้อื่น ผู้นั้นก็ปฏิเสธความเชื่อเสียแล้ว และซ้ำชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่ได้เชื่อเลย”(1 ติโมเธียว 5.8)
4) อย่าปล่อยปะละเลยลูก ๆ ของท่านเหมือนเอลีผู้ชรา ไม่เช่นนั้นความเศร้าจะมาถึงพวกเขาและตัวท่าน คราวนั้นบุตรชายของเอลีเป็นคนชั่วช้า หารู้จักพระยะโฮวาไม่ผู้ใดฆ่าสัตว์ถวายบูชา ปุโรหิตเคยทำแก่ชนอย่างนี้คือ เมื่อเขากำลังต้มเนื้อนั้น คนใช้ของปุโรหิตถือสามง่ามมาแทงลงในกะทะและกาหรือกาต้มและหม้อ บรรดาของที่ติดสามง่ามขึ้นมานั้น ปุโรหิตเรียกเอาเป็นส่วนของตน เขาเคยทำอย่างนี้ที่ซีโลแก่บรรดาชนยิศราเอล ซึ่งมา ณ ที่นั่นถึงแม้นว่าเขายังไม่ทันเผาเปลวมันถวาย คนใช้ของปุโรหิตเคยมาบอกผู้ฆ่าสัตว์ถวายบูชาว่า จงมอบเนื้อให้ปุโรหิตปิ้ง ด้วยเนื้อต้มแล้วท่านไม่ต้องการ ต้องการดิบถ้าบุรุษผู้นั้นตอบว่า จะต้องเผาเปลวมันถวายก่อน เขาก็ตอบว่า ไม่ใช่ ต้องให้เดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ยอม เราจะเก็บเอา ความผิดของคนหนุ่มเหล่านั้นก็กำเริบขึ้นเฉพาะพระพักตร์พระยะโฮวาด้วยเขาดูหมิ่นเครื่องบูชาของพระองค์เราบอกไว้แล้วว่า เราจะพิพากษาวงศ์ของเขาสืบไปเป็นนิตย์ เพราะเหตุความผิดซึ่งเขารู้แล้วว่าบุตรชายของเขาได้ทำให้ตัวลามกไป แต่เอลีไม่ห้ามปรามเสีย (1 ซามูเอล 2.12-17, 3.13) ไม่ใช่ให้ทุกสิ่งที่ลูกปรารถนา แต่ทุกสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตเขา
ง. บทบาทความเป็นพลเมือง
1) เชื่อฟังกฎหมายบ้านเมือง นี่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าเพราะเป็นการดีสำหรับตัวเราเอง ให้คนทุกคนยอมอยู่ใต้บังคับผู้มีอำนาจ ด้วยว่าไม่มีอำนาจอันใดเว้นไว้ซึ่งมาจากพระเจ้า และผู้มีอำนาจซึ่งดำรงอยู่นั้น พระเจ้าก็ได้ทรงตั้งไว้เหตุฉะนั้นผู้ที่ขัดขืนอำนาจนั้นก็ได้ขัดขืนพระดำริของพระเจ้า และผู้ที่ขัดขืนนั้นต้องถูกปรับโทษ (โรม 13.1-2)
2) เสียภาษี เพราะเหตุนั้นท่านทั้งหลายจึงได้เสียส่วยอากรด้วยเพราะผู้ที่มีอำนาจนั้นได้รับใช้จากพระเจ้า และทำตามหน้าที่นั้นเสมอท่านทั้งหลายจงให้แก่ทุกคนตามที่เขาควรจะได้รับ ส่วยอากรควรจะให้แก่ผู้ใด จงให้แก่ผู้นั้น ภาษีควรจะให้แก่ผู้ใด จงให้แก่ผู้นั้น ความยำเกรงควรจะให้แก่ผู้ใด จงให้แก่ผู้นั้น เกียรติยศควรจะให้แก่ผู้ใด จงให้แก่ผู้นั้น (โรม 13.6-7) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำอย่างนั้นและสอนให้ทำเช่นกัน แต่เพื่อมิให้เขาเข้าใจผิด ท่านจงไปตกเบ็ดที่ทะเลเมื่อได้ปลาตัวแรกขึ้นมาก็ให้เปิดปากมันแล้วจะพบเงินตราแผ่นหนึ่ง จงเอาเงินนั้นไปให้เขาเป็นค่าบำรุงการนมัสการในโบสถ์สำหรับเรากับท่าน” (มัดธาย 17.27)พระองค์ตรัสแก่เขาว่า “เหตุฉะนั้นของของกายะซาจงถวายแก่กายะซา และของของพระเจ้าจงถวายแก่พระเจ้า”(มัดธาย 22.21)
3) อธิษฐานสำหรับผู้นำของประเทศ เหตุฉะนั้นก่อนอะไรหมด ข้าพเจ้าจึงเตือนสติท่านทั้งหลายให้วิงวอนอธิษฐานทูลขอและขอบพระคุณสำหรับคนทั้งปวง คือสำหรับกษัตริย์ทั้งหลายและคนทั้งปวงที่มีตำแหน่งสูง เพื่อเราจะประกอบชีวิตได้อย่างสงบสุขโดยทางธรรม และโดยการประพฤติซึ่งเป็นสง่าผ่าเผย(1 ติโมเธียว 2.1-2) การกระทำเช่นนี้ดีกว่าและเกิดผลดีกว่าการบ่นติว่า และหาแต่ความผิดของรัฐ
จ. บทบาทความเป็นคริสเตียน
1) ท่านเป็นสมาชิกของกายของพระคริสต์ ดังนั้นจงทำหน้าที่ของตน” เหตุฉะนี้พวกที่รักของข้าพเจ้า เหมือนท่านทั้งหลายได้ยอมฟังทุกเวลา และไม่ใช่เมื่อข้าพเจ้าอยู่ด้วยเท่านั้น เดี๋ยวนี้เมื่อข้าพเจ้าไม่อยู่ด้วย ท่านทั้งหลายจงอุตส่าห์ประพฤติให้ความรอดของตนบริบูรณ์ด้วยความเกรงกลัวตัวสั่น” (ฟิลิปปอย 2.12) อย่าทำตัวเป็นพยาธิ หรือกาฝากที่คอยแต่กินแรงงานของผู้อื่น ความรับผิดชอบของท่านต่อคริสตจักรมีมากเท่ากับความสามารถ
2) หน้าที่ความรับผิดชอบของท่านรวมไว้หมดในประโยคนี้ “ทำตัวให้เป็นคริสเตียน” แล้วเมื่อนั้นท่านจะเป็นบุตรที่เหมาะสม สามีที่เห็นอกเห็นใจ บิดาที่น่ารัก พลเมืองที่เคารพกฎหมาย และทายาทที่จะได้รับชีวิตนิ-รันดร์เป็นมรดก นิสัยของคริสเตียนเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดไม่ว่าท่านจะยึดอาชีพอะไรก็ตาม เราได้เห็นตัวอย่างของผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือและคนเหล่านั้นที่ทำตัวให้เป็นประโยชน์โดยนำคนอื่นมาสู่พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้า พระเจ้าทรงใช้มนุษย์เป็นเครื่องมือในการนำคนบาปกลับมาหา และคนที่โศกเศร้าเสียใจมาหาพระองค์ พระองค์ทรงใช้มนุษย์ช่วยมนุษย์ด้วยกัน
3) โลกของเราทุกวันนี้เต็มไปด้วยคนยากลำบาก คนเหล่านั้นที่ถูกแยกออกจากพระผู้ช่วยให้รอด อยู่อย่างปราศจากความหวังในโลก (เอเฟโซ 2.12) ทุกวันนี้พระองค์ก็ยังทรงใช้มนุษย์เป็นเครื่องมือ และเรียกคนของพระองค์ให้ยื่นมือออกไปช่วยผู้อื่น (โรม 1.14-15) ท่านเป็นสายที่เชื่อมหรือสายที่ขาด? เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้องและคนใกล้ชิดได้พูดว่า “ข้าพเจ้าต้องการพระผู้ช่วยให้รอด แต่ไม่มีใครที่นำข้าพเจ้า” (บทเพลงสรรเสริญ 142.4) หรือเปล่า?
4) ไม่ใช่คริสเตียนทุกคนสามารถที่จะเป็นผู้นำของคริสตจักรได้ – ผู้ปกครอง มัคนายก ครู และผู้ประกาศ แต่ไม่มีใครสามารถที่จะเป็นผู้นำของคริสตจักรได้เว้นแต่เขาเป็นคริสเตียนก่อน “ตามซึ่งทุกคนได้รับความสามารถที่ทรงประทานให้แล้ว ก็ให้เจือจานความสามารถนั้นแก่กันและกัน เหมือนอย่างเจ้าหน้าที่อันดีสำหรับแจกและสำแดงพระคุณต่าง ๆ ของพระเจ้า” 1 เปโตร 4.10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น