วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คริสตจักรของพระคริสต์หนองจอก

ขอพระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้า เป็นแบบอย่าง 1Ti 4:12 อย่าให้ผู้ใดหมิ่นประมาทความหนุ่มแน่นของท่าน แต่จงเป็นแบบอย่างแก่คนทั้งปวงที่เชื่อในทางวาจา การประพฤติ ความรัก ความเชื่อ และความบริสุทธิ์ แบบอย่าง [ N ] model [ English ]pattern; example; archetype; ideal; paradigm; standard; prototype; paragon [ Syn ] แม่แบบ, ต้นแบบ, ตัวอย่าง [ Sample] สำนักนายกฯ ได้จัดรางวัลพิเศษเพื่อสนับสนุนนักแสดงประพฤติดีเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชน [ Def ] ตัวอย่างที่จะอ้างเป็นบรรทัดฐานได้ • บุคคลแบบอย่าง • ท่านพ่อแม่เป็นผู้ให้แบบอย่างแก่ลูก • ท่านแม่เป็นผู้ให้แบบอย่างแก่ลูก • ครูอาจารย์เป็นผู้ให้แบบอย่างแก่ศิษย์ • หัวหน้า เป็นผู้ให้แบบอย่างลูกน้อง • บุคคลในพระคัมภีร์ที่เป็นแบบอบ่าง • โมเซ • โยเซพ • ดาวิด • โยบ • เปาโล • ติโมเธียว 1.ทางวาจา Pro 25:11 คำพูดที่เหมาะกับกาลเทศะเปรียบเหมือนผลแอปเปิ้ลทำด้วยทองคำใส่ไว้ในกระเช้าเงิน 2. การประพฤติ 1. มีกิริยาวาจาสุภาพ 2. ประพฤติตนสม่ำเสมอ 3. ยกย่องเชิดชูกัน 4. เอื้อเฟื้อเชื่อฟังกัน 3.ความรัก 1Co 13:4 ความรักนั้นก็อดทนนาน และกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่จองหอง 1Co 13:5 ไม่ได้กระทำสิ่งอันเป็นที่น่าอายกระดาก ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่มีใจหงุดหงิด ไม่ช่างจดจำความผิด 1Co 13:6 ไม่ยินดีในการประพฤติผิดแต่มีความยินดีในการประพฤติชอบ 1Co 13:7 ไม่แคะไค้คุ้ยเขี่ยความผิดของเขา และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และเพียรทนเอาทุกอย่าง 1Co 13:8 ความรักนั้นจะสูญไปก็หามิได้ แม้จะมีคำพยากรณ์ก็จะเสื่อมสูญไป แม้จะพูดภาษาแปลกๆ ได้ การพูดภาษานั้นก็จะมีเวลาเลิกกัน แม้มีวิชาความรู้ก็มีวันเสื่อมทรามไป 1Co 13:9 เพราะที่เรารู้นั้นก็รู้แต่ส่วนหนึ่ง และที่เราพยากรณ์นั้นก็พยากรณ์แต่ส่วนหนึ่ง 1Co 13:10 แต่เมื่อถึงความสำเร็จเสร็จครบ ความบกพร่องนั้นก็จะเสื่อมสูญไป 1Co 13:11 เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าได้พูดอย่างเด็ก ได้คิดอย่างเด็ก ได้ใคร่ครวญหาเหตุผลอย่างเด็ก แต่ครั้นข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ข้าพเจ้าจึงเลิกธรรมเนียมอย่างเด็กเสีย 1Co 13:12 เพราะว่าบัดนี้เราทั้งหลายยังเห็นมัวๆ เหมือนดูในกระจก แต่เวลานั้นจะได้เห็นหน้ากันชัดเจน เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้ารู้แต่ส่วนหนึ่ง เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้อะไรๆ หมดเหมือนพระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า 1Co 13:13 ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่งคือความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักนั้นเป็นใหญ่ 4.ความเชื่อ Heb 11:1 ฝ่ายความเชื่อนั้นคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกอย่างแน่นอนว่าสิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง Heb 11:2 ด้วยว่าโดยความเชื่อนั้นพวกผู้เฒ่าผู้แก่ได้มีคำพยานกล่าวถึงตัวเขาเอง Heb 11:3 โดยความเชื่อนั้นเราจึงรู้เข้าใจว่าพระเจ้าได้ทรงสร้างโลกทั้งปวงด้วยคำตรัสของพระองค์ จนถึงสิ่งของที่ปรากฏนั้นมิได้บังเกิดขึ้นจากสิ่งที่เห็นได้นั้น Heb 11:4 โดยความเชื่อเฮเบลนั้นจึงได้นำเครื่องบูชาอันประเสริฐกว่าเครื่องบูชาของคายินมาถวายแก่พระเจ้า เพราะเหตุเครื่องบูชานั้นจึงมีพยานว่าเขาเป็นคนชอบธรรม คือพระเจ้าทรงเป็นพยานแก่ของถวายของเขา โดยความเชื่อนั้น แม้ว่าเฮเบลตายแล้วเขาก็ยังพูดอยู่ Heb 11:5 เพราะเหตุความเชื่อ ฮะโนคได้รับการเปลี่ยนแปลงแห่งกาย เพื่อท่านจะไม่ต้องเห็นความตาย เขาหาท่านไม่พบ เพราะพระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงกายของท่านเสียแล้ว เพราะเมื่อก่อนทรงเปลี่ยนแปลงนั้นได้มีพยานกล่าวถึงท่านว่าท่านได้เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า Heb 11:6 แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าก็หามิได้ เพราะว่า ผู้ที่มาหาพระเจ้าต้องเชื่อว่า พระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และต้องเชื่อว่า พระองค์เป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่ปลงใจแสวงหาพระองค์ Heb 11:7 โดยความเชื่อ เมื่อพระเจ้าทรงเตือนถึงการณ์ที่ยังไม่ได้เห็น โนฮาจึงมีใจเกรงกลัวจัดแจงต่อนาวาซึ่งเป็นที่ให้ครอบครัวของตนรอดได้ เพราะความเชื่อนั้น ท่านจึงปรับโทษแก่โลก และเป็นเจ้ามรดกแห่งความชอบธรรมซึ่งบังเกิดแต่ความเชื่อ Heb 11:8 โดยความเชื่อ ครั้นพระเจ้าทรงเรียกแล้ว อับราฮามก็ได้เชื่อฟัง และออกไปถึงตำบลที่จะได้รับเป็นมรดก และท่านได้ออกไปโดยหารู้ไม่ว่า จะไปทางไหน Heb 11:9 โดยความเชื่อ ท่านจึงได้อาศัยในตำบลซึ่งเป็นที่ทรงสัญญาไว้นั้น เหมือนท่านเป็นคนแขกเมือง คือ ตั้งทับอาศัยอยู่กับยิศฮาคและยาโคบ ซึ่งเป็นผู้รับมรดกด้วยกันในคำทรงสัญญาอันเดียวนั้น Heb 11:10 เพราะว่าท่านได้คอยอยู่เพื่อจะได้เมืองที่มีรากซึ่งพระเจ้าเป็นนายช่างและเป็นผู้ทรงสร้างขึ้น Heb 11:11 โดยความเชื่อ ถึงนางซาราเองก็ได้กำลังตั้งครรภ์เมื่ออายุแก่เกินแล้ว เพราะนางนั้นได้ถือว่า พระองค์ผู้ได้ทรงสัญญาไว้นั้นเป็นผู้สัตย์ซื่อ Heb 11:12 เหตุฉะนั้นคนเป็นอันมากดุจดาวในท้องฟ้าและดุจเม็ดทรายที่ทะเลซึ่งนับไม่ได้ ได้บังเกิดแต่ชายคนเดียว และชายคนนั้นก็เท่ากับคนที่ตายแล้วด้วย Heb 11:13 คนเหล่านั้นได้ตายไปในระหว่างที่เชื่ออยู่ ยังไม่ได้รับผลตามที่ทรงสัญญาไว้นั้น แต่แลเห็นและยินดีต้อนรับไว้แต่ไกล และได้รับว่า เขาทั้งหลายเป็นแขกเมืองเที่ยวสัญจรอยู่ในโลก Heb 11:14 ด้วยว่าคนทั้งหลายที่กล่าวอย่างนั้นก็สำแดงเป็นแน่ว่า เขากำลังแสวงหาเมืองที่จะได้เป็นสิทธิ์ของตนเอง Heb 11:15 และถ้าเขาได้นึกหวังจะกลับไปยังเมืองที่เขาออกมาแล้วนั้น เขาคงจะมีโอกาสที่จะกลับไปได้ Heb 11:16 แต่บัดนี้ เขาปรารถนาที่จะได้เมืองที่ประเสริฐกว่า คือเมืองสวรรค์ เหตุฉะนั้นพระเจ้ามิได้ทรงละอายในการที่เขาได้เรียกพระองค์ว่า เป็นพระเจ้าของเขา ด้วยว่า พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมเมืองหนึ่งไว้สำหรับเขาแล้ว Heb 11:17 โดยความเชื่อ เมื่ออับราฮามถูกลองใจก็ได้ถวายยิศฮาคเป็นเครื่องบูชา นี่แหละท่านผู้ได้รับคำสัญญานั้นไว้ด้วยความยินดีก็ได้ถวายบุตรคนเดียวของตน Heb 11:18 คือบุตรที่มีคำเขียนไว้แล้วกล่าวถึงบุตรนั้นว่า เชื้อสายของท่านจะนับตั้งแต่ยิศฮาค Heb 11:19 คือเชื่อว่าพระเจ้าทรงฤทธิ์อาจบันดาลให้ยิศฮาคนั้นเป็นขึ้นมาจากตายได้ และท่านได้รับบุตรนั้นกลับคืนมาอีกประหนึ่งว่า บุตรนั้นเป็นขึ้นมาจากตาย Heb 11:20 โดยความเชื่อ ยิศฮาคได้อวยพรแก่ยาโคบและเอซาว คือ เกี่ยวกับเหตุการณ์ซึ่งจะบังเกิดภายหน้านั้น Heb 11:21 โดยความเชื่อ ยาโคบเมื่อจะตายได้อวยพรแก่บุตรทั้งสองของโยเซฟ และได้นมัสการพระเจ้าในเวลาที่พิงหัวไม้เท้าของท่าน Heb 11:22 โดยความเชื่อ โยเซฟเมื่อกำลังจะตายได้กล่าวถึงการที่พวกยิศราเอลจะออกไป และได้มีคำสั่งไว้เรื่องกระดูกของท่าน Heb 11:23 โดยความเชื่อเมื่อโมเซบังเกิดมาแล้ว บิดามารดาได้ซ่อนท่านไว้ถึงสามเดือน เพราะเห็นว่าเป็นเด็กรูปงาม และไม่ได้กลัวคำสั่งของกษัตริย์นั้น Heb 11:24 โดยความเชื่อครั้นโมเซวัฒนาโตขึ้นแล้ว ไม่ยอมให้เรียกว่าเป็นบุตรของธิดากษัตริย์ฟาโร Heb 11:25 คือเห็นว่าที่จะทนการเคี่ยวเข็ญด้วยกันกับพลไพร่ของพระเจ้าดีกว่ามีใจยินดีในการชั่วสักเวลาหนึ่ง Heb 11:26 คือถือว่าความอัปยศของพระคริสต์ประเสริฐกว่าคลังทรัพย์ในประเทศอายฆุบโต ด้วยท่านเห็นแก่ประโยชน์บำเหน็จนั้น Heb 11:27 โดยความเชื่อ ท่านได้ละทิ้งประเทศอายฆุบโต ไม่ได้กลัวความกริ้วแห่งกษัตริย์นั้น เพราะท่านมั่นใจอยู่เหมือนหนึ่งเห็นพระองค์ผู้ไม่ทรงปรากฏแก่ตา Heb 11:28 โดยความเชื่อ ท่านได้ถือการเลี้ยงปัศคา และพิธีประพรมเลือด เพื่อไม่ให้ผู้ประหารบุตรหัวปีนั้นมาถูกต้องพวกยิศราเอลได้ Heb 11:29 โดยความเชื่อ พวกยิศราเอลทั้งหลายได้ข้ามทะเลแดงเหมือนเดินที่ดินแห้ง และเมื่อพวกอายฆุบโตได้เดินลองดูจะข้ามก็จมน้ำตายทั้งสิ้น Heb 11:30 โดยความเชื่อ เมื่อพวกยิศราเอลล้อมกำแพงเมืองยะรีโฮไว้ถึงเจ็ดวันแล้วกำแพงนั้นก็พังลง Heb 11:31 โดยความเชื่อ ราฮาบหญิงแพศยา เมื่อรับคนสอดแนมนั้นไว้โดยดีแล้วก็ไม่ได้พินาศด้วยกันกับคนเหล่านั้นที่มิได้เชื่อฟัง Heb 11:32 และข้าพเจ้าจะว่าอะไรอีกต่อไป เพราะเวลาไม่พอที่จะกล่าวถึง ฆิดโอน บาราค ซิมโซน และยิพธา ดาวิด และซามูเอล และผู้พยากรณ์ทั้งหลาย Heb 11:33 คนเหล่านั้นอาศัยความเชื่อ จึงได้ชัยชนะแผ่นดินต่างๆ ได้กระทำการชอบธรรม ได้รับตามคำทรงสัญญาไว้ ได้ปิดปากสิงโต Heb 11:34 ได้ดับไฟอันไหม้รุนแรงมาก ได้พ้นจากคมดาบ เมื่อก่อนอ่อนกำลังแล้วก็มีกำลังมากขึ้น มีกำลังเรี่ยวแรงมากในการสงคราม ได้กระทำให้กองทัพประเทศอื่นๆ แตกพ่ายแพ้หนีไป Heb 11:35 พวกผู้หญิงได้รับคนพวกของเขาที่ตายแล้วเป็นขึ้นมาจากตายอีก บางคนได้ถูกการทรมาน เพราะไม่ยอมรับการช่วยให้รอดตาย เพื่อเขาจะได้รับการเป็นขึ้นมาจากตายอันประเสริฐกว่า Heb 11:36 บางคนถูกทดลอง โดยคำเยาะเย้ยและถูกเฆี่ยน แล้วก็ถูกจำและขังไว้ในคุกด้วย Heb 11:37 และบางคนถูกหินขว้าง บางคนถูกเลื่อยเป็นท่อนๆ บางคนถูกทดลองต่างๆ บางคนถูกฆ่าด้วยคมดาบ บางคนเที่ยวสัญจรไปนุ่งห่มหนังแกะหนังแพะ อดอยาก ทนทุกข์เวทนาและทนการเคี่ยวเข็ญ Heb 11:38 (แผ่นดินโลกไม่สมกับคนเช่นนั้นเลย) เขาจึงได้เที่ยวซุ่มซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและในโพรง Heb 11:39 คนเหล่านั้นทุกคนได้ชื่อเสียงอันดีเล่าลือโดยความเชื่อของเขา แต่เหตุการณ์ซึ่งทรงสัญญาไว้แล้วนั้นเขาไม่ได้รับ Heb 11:40 ด้วยว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมการอย่างดีกว่าไว้สำหรับเราทั้งหลาย เพื่อไม่ให้เขาทั้งหลายถึงที่สำเร็จนอกจากเรา 5. และความบริสุทธิ์นิสัยแบบอย่างความเป็นผู้มักน้อยและสันโดษ 1) อดทน 2) ใฝ่รู้ 3) กตัญญู 4) ถ่อมตน 5) เคารพพระคำของพระเจ้า 6) ความเป็นผู้ทรงปริยัติและไม่ทิ้งปฏิบัติ

ไม่มีความคิดเห็น: